ขณะที่เด็กสาวส่วนใหญ่ในวัยเดียวกับเธอควรจะสนุกสนานกับการใช้ชีวิตวัยเด็กช่วงสุดท้ายในโรงเรียนมัธยมต้น ก่อนต้องมาเจอกับความเคร่งเครียดตอนมัธยมปลายเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ เฮ่า ตงฟง กลับต้องใช้เวลาในแต่ละวันๆละหลายชั่วโมงนั่งคุกเข่า ข้างป้ายแสดงข้อความขอความเห็นใจสงสารจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา หวังนำเงินมาเลี้ยงดูและเป็นค่ารักษา เฮ่า ซีนหลี บิดาของเธอซึ่งป่วยด้วยโรคหายากที่เรียกว่า ankylosing spondylitis หรือโรคกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด
รายงานระบุว่า เฮ่า ซีนหลี่ เดิมทีประกอบอาชีพชาวนา แต่ย้ายมาอยู่ในเมืองเหอเฝยเมื่อปี 2543 เพื่อเปิดร้านขายของเล็กๆ เนื่องจากมีปัญหาที่หลังทำให้ไม่สามารถทำงานในทุ่งนาต่อไปได้ และเขาได้แต่งงานกับ หลี่ ซิ่วหรู
แต่อยู่มาวันหนึ่งขณะเดินช็อปปิ้งที่เหอเฝย ทั้งคู่เห็นร้านขายโทรศัพท์ถือมีการแจกของจึงรีบพากันเข้าไปรับของฟรี แล้วก็มีปากเสียงกับพนักงานในร้านเรื่องหยิบของฟรีเยอะเกินไป และเฮ่า ซีนหลี ถูกผลักจนล้ม ซึ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บกระดูกสันหลังและกระดูกคอร้าว จนร่างกายป่วยอัมพาตครึ่งท่อน ซ้ำร้ายเขายังไม่สามารถเรียกร้องเงินชดเชยจากร้านขายมือถือ ทำให้ครอบครัวต้องแบกรับภาระค่าผ่าตัดและค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด
หลังจากนั้นไม่นาน หลี ซิ่วหรู ภรรยาของเขาก็เก็บข้าวของทิ้งเขาและลูกไป ทำให้ เฮ่า ตงฟง ต้องกลายเป็นผู้นำครอบครัวหาเงินมาจุนเจือทางบ้านและเป็นค่ารักษาพยาบาลของพ่อด้วย เธอจึงต้องยอมเป็นเหมือนขอทานข้างถนน
ตงฟง เล่าว่าบ่อยครั้งที่ผู้คนผ่านไปผ่านมาหาว่าเธอเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวง และครั้งหนึ่งเคยโดนคนเมาตบหน้าเพราะคิดว่าเธอหลอกเขา ส่วนผู้ค้าขายในบริเวณนั้นก็ไม่ค่อยเห็นใจเธอสักเท่าไหร่ เพราะกลัวว่าจะส่งผลเสียต่อธุรกิจของพวกเขา แต่เธอไม่เคยย่อท้ออดทนสู้จนสามารถหาเงินได้วันละกว่า 400 หยวน หรือประมาณ 2,400 บาท
ด้านเฮ่า ซีนหลี ได้แต่หวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะกลับมายืนได้อีกครั้ง และไม่เป็นภาระต่อครอบครัว อยากให้ตงฟงไปโรงเรียน และใช้ชีวิตแบบปกติอย่างที่ควรจะเป็น
ชื่นชอบข่าวนี้ อยากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ
Cr. http://www.siamupdate.com
0 nhận xét:
Đăng nhận xét